โบท็อก

โบท็อกคืออะไร

โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบท็อกถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราวและช่วยลดริ้วรอยได้

ฉีดโบท็อก อันตรายไหม? อยากฉีดโบท็อกอย่างปลอดภัยต้องรู้อะไรบ้าง?

                ส่วนใหญ่คนไข้จะกังวลเพราะเห็นภาวะแทรกซ้อนจากที่อื่น เช่นฉีดแล้วหน้าแข็ง หน้าไม่เท่ากัน ยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริง ใช่ว่าฉีดแล้วจะเป็นอย่างที่กล่าวมาทุกคน เพราะแพทย์ที่มีความรู้ประสบการณ์จะฉีดให้ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติที่สุด  เน้นแก้ไขปัญหาของคนไข้

อันตรายหากใช้โบท็อกปลอม

  1. ฉีดแล้วไม่ได้ผล หน้าไม่ตึง กรามไม่ลด หรือต้องฉีดบ่อยๆ เกิดการดื้อยา
  2. หนังตาตก ปากเบี้ยว จากยาที่กระจายตัวไม่ดี
  3. แพ้ยา เกิดจากความบริสุทธิ์ของยาไม่ดีพอ

โบท็อก ฉีดตรงไหน? ช่วยอะไรได้บ้าง?

ก่อนฉีดโบท็อกควรเตรียมตัวอย่างไร?

  1. เลือกใช้โบท็อกแท้เท่านั้น
  2. ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป
  3. โดยปกติไม่ควรฉีดโบท็อกรวมแล้วเกิน 100 ยูนิตต่อครั้ง
  4. ก่อนฉีดควรประคบเย็น เพื่อลดการไหลเวียนเลือดรอบๆ

หลังฉีดโบท็อกควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

  1. หลังฉีดทันที ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้ยากระจาย
  2. งดนอนราบ 3 ชม.
  3. หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
  4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ เพราะอาจทำให้โบท็อกหมดฤทธิ์เร็วขึ้น
  5. หากมีคอร์สเลเซอร์ นวดหน้า ควรงด 2 สัปดาห์หลังทำ

ฉีดโบท็อกลดกรามหน้าเรียว

                การฉีดโบท็อกหน้าเรียวจะได้ผลหากปัญหาหน้าใหญ่ หน้ากลมเป็นจากกล้ามเนื้อ หากเป็นสาเหตุจากอย่างอื่นเช่น กระดูก หรือไขมัน หรือผิวหนังหย่อยคล้อย ต้องรักษาด้วยวิธีอื่น โดยสามาถดูง่ายๆคือให้ลองกัดกรามแล้วถ้ากล้ามเนื้อกรามเด้งเยอะก็แปลว่าจากกล้ามเนื้อ

อยากหน้าเรียว นอกจากโบท็อกลดกรามทำไรได้บ้าง?

  1. ฟิลเลอร์คาง: หากคางสั้น คางตัด เมื่อเทียบกับสัดส่วนของใบหน้า
  2. ร้อยไหมยกแก้ม: หากหย่อนเยอะ ในกรณีหย่อนไม่เยอะมากอาจใช้ HIFU แทนได้
  3. ฟิลเลอร์ไต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม: หากร่องลึกจะทำให้หน้าแลดูสั้น โหน่งแก้มเด่น

ฉีดโบท็อกกรามเจ็บไหม

                ไม่เจ็บ และก่อนการฉีดจะมีการประคบเย็นก่อน ตอนเดินยาคนไข้อาจจะมีอาการปวดเล็กน้อย

โบท็อกลดกราม ทำให้ยิ้มแข็ง ๆ หรือ ยิ้มไม่สุด เกิดจากอะไร?

                อาการนี้เกิดจากการที่โบท็อกแพร่กระจายไปโดนกล้ามเนื้อ Risorius (R ตามรูปด้านล่าง) ซึ่งมีหน้าที่ในการยกมุมปากเวลายิ้ม หากโบท็อกแพร่กระจายไป จะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้อ่อนแรง หากแพทย์ระวังในการฉีด ไม่ฉีดไปด้านหน้าเกินไปโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนนี้จะต่ำมาก

ทำไม? โบท็อกลดกรามแล้ว เหนียงเยอะขึ้น

                หากฉีดโบท็อกกรามเพียงอย่างเดียวกรามจะยุบ แต่จะทำให้หนังที่อยู่บริเวณกล้ามเนื้อกรามหย่อนลง จึงทำให้ตรงคอดูเยอะขึ้นจะทำให้หน้าดูหย่อยคล้อย แนะนำให้ฉีดโบท็อกกรามร่วมกับโบท็อกลิฟท์กรอบหน้า (Nefertiti lift) จะทำให้เข้ารูปมากขึ้น

โบท็อกลดริ้วรอย

ข้อดี

  • ทำให้คนไข้มั่นใจมากขึ้น ดูอายุน้อยลง เพราะริ้วรอยบนใบหน้าบ่งบอกถึงอายุที่มากขึ้น และความไม่สดใส
  • ป้องกันริ้วรอยในอนาคตและป้องกันไม่ให้ริ้วรอยเส้นเล็กๆกล้ายเป็นริ้วรอยลึกถาวร เนื่องจากริ้วรอยเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า

ข้อเสีย

  • การฉีดโบท็อกไม่ถาวรโดยจะเริ่มเห็นผลหลังการฉีด 4-7 วัน ละผลจะคงอยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เทคนิคการฉีด ปริมาณ และยี่ห้อของโบท็อกที่ฉีด
  • ปกติจะไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกเพื่อแก้ริ้วรอยบริเวณมุมปาก หรือ รอบปาก เพราะอาจเสี่ยงทำให้ปากเบี้ยวได้ ริ้วรอยบริเวณนี้อาจใช้ฟิลเลอร์แก้ไขแทนได้

โบท็อกลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?

  • ริ้วรอยรอบดวงตา เช่น รอยตีนกา ริ้วรอยหางตา: การฉีดโบท็อกจะทำให้เกิดการคลายตัวชั่วคราวของกล้ามเนื้อรอบดวงตา จะทำให้ริ้วรอยจางลง อย่างไรก็ตามหากฉีดมากเกินไปจะทำให้ตาดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติได้
  • ริ้วรอยหน้าผาก
  • ริ้วรอยระหว่างคิ้ว

ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล ?

  • เริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3-4 วัน
  • ตึงเต็มที่ 1-2 อาทิตย์
  • อยู่ได้นาน 4-5 เดือน
  • ไม่ควรฉีดถี่เกิน ควรเว้นอย่างน้อย 3 เดือน แต่ไม่ควรเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานปกติ

โบท็อกระหว่างคิ้ว

คือการฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณรอยย่นระหว่างคิ้วจากการทำงานมากไปของกล้ามเนื้อ Procerus และ corrugator โดยแนวของรอยย้นจะเป็นแนวนอน

อยู่ได้นานแค่ไหน?

                จะเริ่มเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณและยี่ห้อของโบท็อก และจะอยู่ได้ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับความลึกของรอยย่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการดูแลตัวเองหลังฉีด

ฉีดกี่ยูนิตดี?

                โดยปกติจะฉีดประมาณ 12-24 ยูนิต ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะเป็นคนประเมิน

โบท็อก ลดปีกจมูก คืออะไร ?

ปีกจมูกบาน ปีกจมูกใหญ่จะทำให้หน้าดูไม่ได้สัดส่วน ไม่มีมิติ และทำให้เสียความมั่นใจ

การฉีดโบท็อกลดปีกจมูกคือการฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อของจมูกที่หน้าที่ในการขยายปีกจมูกให้กว้างหรือบานขึ้นได้แก่ Dilator naris หรือ Alar naris เพื่อคลายกล้ามเนื้อมัดนี้ เมื่อเราพูดหรือหายใจแรงๆปีกจมูกจะไม่กางออก รูจมูกจะดูแคบมากขึ้น

สาเหตุของจมูกบาน

  • ผิวหนัง: ในคนเอเชียมักจะมีชั้นผิวหนังและไขมันไต้ผิวหนังที่หนา ทำให้จมูกดูกลมและบาน
  • กล้ามเนื้อ: สังเกตได้เวลาที่ยิ้ม หากจมูกยกขึ้นตามแสดงว่าเกิดจากชั้นกล้ามเนื้อ สำหรับโบท็อกลดปีกจมูก เหมาะกับคนที่ปีจมูกบานจากกล้ามเนื้อเท่านั้น
  • กระดูกอ่อนที่เป็นโครงสร้างของจมูก: ต้องแก้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก

การฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก

                จุดประสงค์เพื่อให้สันจมูกชัดขึ้น และลดริ้วรอยบริเวณสันจมูกโดยเฉพาะเวลายิ้ม เนื่องจากเวลายิ้มสันจมูกเราจะดูแบนลง ทำให้จมูกดูกว้างขึ้น ทั้งนี้เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณสันจมูกหัดตัว

ใครที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกจมูก

  • ผู้ที่จมูกบานโดยสาเหตจากกล้ามเนื้อจมูก โดยสังเกตจากชัดตอนที่คนไข้แสดงอารมณ์เช่น โกรธ ตื่นเต้น หรือตกใจ
  • รูจมูกกว้าง ปีกจมูกบาน ทำให้ขาดความมั่นใจ
  • ไม่ต้องการผ่าตัด หรือกลัวเป็นแผลเป็น หรืออยากเห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักพื้นนาน

โบท็อกลิฟท์หน้า

Dermolift

คือการฉีดโบท็อกเข้าไปที่ชั้นไต้ชั้นผิวหนังตามแนวกรอบหน้าเพื่อให้ผิวกระชับมากขึ้น ควรทำเฉพาะเวลาที่ต้องการผลที่เร่งด่วน ไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะจะเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อกได้

Nefertiti Lift

คือการฉีดโบท็อกเข้าไปที่กล้ามเนื้อที่หุ้มลำคอ หรือ Platysma เพื่อคลายกล้ามเนื้อนี้ ซึ่งโดยปกติกล้ามเนื้อนี้จะมีหน้าที่ดึงผิวหนังลงทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย เมื่อฉีดโบท็อกแล้วจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวขึ้นมีแรงมากกว่าและทำให้ใบหน้ายกกระชับ

โบท็อกลิฟท์หน้ากี่วันเห็นผล? อยู่ได้กี่เดือน?

เริ่มเห็นผล 3-4 วันหลังฉีด และเห็นผลเต็มที่ 1-2 สัปดาห์ Dermolift จะอยู่ได้ 1-2 เดือน ส่วน Nefertiti lift จะอยู่ได้ 3-4 เดือน

 

ลิฟท์กรอบหน้าใช้โบท็อกกี่ยูนิต?

                ปกติใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ ซึ่งแพทย์จะทำการพิจารณา

 

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า

  1. งดนอนราบ 3-4 ชั่วโมง
  2. งดทำหัตถการหน้าที่ต้องใช้ความร้อน เช่น การทำเลเซอร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  3. งดดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือถ้าไม่ได้จริงๆควรอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด

โบท็อกรักแร้ลดเหงื่อ แก้ปัญหารักแร้เปียก

รักแร้เปียก มีสาเหตุจากอะไร? โบท็อกลดเหงื่อช่วยอย่างไร?

                การมีเหงื่อไหลออกมาจากรักแร้ ทำให้รักแร้เปียกเป็นกลไกปกติของร่างกายในการระบายความร้อน อย่างไรก็ตาม หากมีเหงื่อออกมากไปอาจทำให้เสียความมั่นใจได้ วิธีแก้ไขคือการฉีดโบท็อกลดเหงื่อ โดยการฉีด Botulinum toxin type A ข้างละ 50-100 ยูนิตเข้าไปที่บริเวณรักแร้ 20-30 จุดเพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ เพื่อที่จะลดเหงื่อและลดกลิ่น โดยสามารถลดได้กว่า 80%

 

ใครบ้างที่เหมาะสำหรับฉีดโบท็อกลดเหงื่อ

  1. คนที่เหงื่ออกมากเกินไป ทำให้เกิดกลิ่นตัว หรือไม่อยากให้รักแร้เปียกชุ่มเป็นวงไต้แขนเสื้อ
  2. คนที่แพ้ผลิตภัณฑ์สำหรับลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว เช่น โรคออน สเปรย์

โบท็อกรักแร้อยู่ได้นานแค่ไหน?

                หลังฉีด ใช้เวลา 3-7 วันในการออกฤทธิ์ และจะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน

การดูแลหลังฉีดโบท็อกลดเหงื่อ

  1. ดื่มน้ำเยอะๆ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
  2. สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อได้ 1 วันหลังฉีด
  3. งดทรีทเมนต์และเลเซอร์ งดอบซาวน่า อบตัว หลังฉีด 2 อาทิตย์
  4. หลีกเลี่ยงการทางอาหารมักดอง และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 2 อาทิตย์
  5. สวมเสื้อผ้าสบายๆ ไม่แน่นจนเกินไป
  6. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่นอาหารเผ็ด เปรี้ยว หรือเค็มจัด เพราะจะทำให้การขับเหงื่อมีกลิ่นแรง
  7. ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย คุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
Shopping Cart