โบท็อก
โบท็อกคืออะไร
โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบท็อกถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราวและช่วยลดริ้วรอยได้
ฉีดโบท็อก อันตรายไหม? อยากฉีดโบท็อกอย่างปลอดภัยต้องรู้อะไรบ้าง?
ส่วนใหญ่คนไข้จะกังวลเพราะเห็นภาวะแทรกซ้อนจากที่อื่น เช่นฉีดแล้วหน้าแข็ง หน้าไม่เท่ากัน ยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริง ใช่ว่าฉีดแล้วจะเป็นอย่างที่กล่าวมาทุกคน เพราะแพทย์ที่มีความรู้ประสบการณ์จะฉีดให้ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติที่สุด เน้นแก้ไขปัญหาของคนไข้
อันตรายหากใช้โบท็อกปลอม
- ฉีดแล้วไม่ได้ผล หน้าไม่ตึง กรามไม่ลด หรือต้องฉีดบ่อยๆ เกิดการดื้อยา
- หนังตาตก ปากเบี้ยว จากยาที่กระจายตัวไม่ดี
- แพ้ยา เกิดจากความบริสุทธิ์ของยาไม่ดีพอ
โบท็อก ฉีดตรงไหน? ช่วยอะไรได้บ้าง?
ก่อนฉีดโบท็อกควรเตรียมตัวอย่างไร?
- เลือกใช้โบท็อกแท้เท่านั้น
- ก่อนฉีดควรให้แพทย์ผสมโบท็อกให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เจือจางน้ำเกลือมากเกินไป
- โดยปกติไม่ควรฉีดโบท็อกรวมแล้วเกิน 100 ยูนิตต่อครั้ง
- ก่อนฉีดควรประคบเย็น เพื่อลดการไหลเวียนเลือดรอบๆ
หลังฉีดโบท็อกควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
- หลังฉีดทันที ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้ยากระจาย
- งดนอนราบ 3 ชม.
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ เพราะอาจทำให้โบท็อกหมดฤทธิ์เร็วขึ้น
- หากมีคอร์สเลเซอร์ นวดหน้า ควรงด 2 สัปดาห์หลังทำ
ฉีดโบท็อกลดกรามหน้าเรียว
การฉีดโบท็อกหน้าเรียวจะได้ผลหากปัญหาหน้าใหญ่ หน้ากลมเป็นจากกล้ามเนื้อ หากเป็นสาเหตุจากอย่างอื่นเช่น กระดูก หรือไขมัน หรือผิวหนังหย่อยคล้อย ต้องรักษาด้วยวิธีอื่น โดยสามาถดูง่ายๆคือให้ลองกัดกรามแล้วถ้ากล้ามเนื้อกรามเด้งเยอะก็แปลว่าจากกล้ามเนื้อ
อยากหน้าเรียว นอกจากโบท็อกลดกรามทำไรได้บ้าง?
- ฟิลเลอร์คาง: หากคางสั้น คางตัด เมื่อเทียบกับสัดส่วนของใบหน้า
- ร้อยไหมยกแก้ม: หากหย่อนเยอะ ในกรณีหย่อนไม่เยอะมากอาจใช้ HIFU แทนได้
- ฟิลเลอร์ไต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม: หากร่องลึกจะทำให้หน้าแลดูสั้น โหน่งแก้มเด่น
ฉีดโบท็อกกรามเจ็บไหม
ไม่เจ็บ และก่อนการฉีดจะมีการประคบเย็นก่อน ตอนเดินยาคนไข้อาจจะมีอาการปวดเล็กน้อย
โบท็อกลดกราม ทำให้ยิ้มแข็ง ๆ หรือ ยิ้มไม่สุด เกิดจากอะไร?
อาการนี้เกิดจากการที่โบท็อกแพร่กระจายไปโดนกล้ามเนื้อ Risorius (R ตามรูปด้านล่าง) ซึ่งมีหน้าที่ในการยกมุมปากเวลายิ้ม หากโบท็อกแพร่กระจายไป จะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้อ่อนแรง หากแพทย์ระวังในการฉีด ไม่ฉีดไปด้านหน้าเกินไปโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนนี้จะต่ำมาก
ทำไม? โบท็อกลดกรามแล้ว เหนียงเยอะขึ้น
หากฉีดโบท็อกกรามเพียงอย่างเดียวกรามจะยุบ แต่จะทำให้หนังที่อยู่บริเวณกล้ามเนื้อกรามหย่อนลง จึงทำให้ตรงคอดูเยอะขึ้นจะทำให้หน้าดูหย่อยคล้อย แนะนำให้ฉีดโบท็อกกรามร่วมกับโบท็อกลิฟท์กรอบหน้า (Nefertiti lift) จะทำให้เข้ารูปมากขึ้น
โบท็อกลดริ้วรอย
ข้อดี
- ทำให้คนไข้มั่นใจมากขึ้น ดูอายุน้อยลง เพราะริ้วรอยบนใบหน้าบ่งบอกถึงอายุที่มากขึ้น และความไม่สดใส
- ป้องกันริ้วรอยในอนาคตและป้องกันไม่ให้ริ้วรอยเส้นเล็กๆกล้ายเป็นริ้วรอยลึกถาวร เนื่องจากริ้วรอยเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า
ข้อเสีย
- การฉีดโบท็อกไม่ถาวรโดยจะเริ่มเห็นผลหลังการฉีด 4-7 วัน ละผลจะคงอยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เทคนิคการฉีด ปริมาณ และยี่ห้อของโบท็อกที่ฉีด
- ปกติจะไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกเพื่อแก้ริ้วรอยบริเวณมุมปาก หรือ รอบปาก เพราะอาจเสี่ยงทำให้ปากเบี้ยวได้ ริ้วรอยบริเวณนี้อาจใช้ฟิลเลอร์แก้ไขแทนได้
โบท็อกลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
- ริ้วรอยรอบดวงตา เช่น รอยตีนกา ริ้วรอยหางตา: การฉีดโบท็อกจะทำให้เกิดการคลายตัวชั่วคราวของกล้ามเนื้อรอบดวงตา จะทำให้ริ้วรอยจางลง อย่างไรก็ตามหากฉีดมากเกินไปจะทำให้ตาดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติได้
- ริ้วรอยหน้าผาก
- ริ้วรอยระหว่างคิ้ว
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยกี่วันเห็นผล ?
- เริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3-4 วัน
- ตึงเต็มที่ 1-2 อาทิตย์
- อยู่ได้นาน 4-5 เดือน
- ไม่ควรฉีดถี่เกิน ควรเว้นอย่างน้อย 3 เดือน แต่ไม่ควรเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานปกติ
โบท็อกระหว่างคิ้ว
คือการฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณรอยย่นระหว่างคิ้วจากการทำงานมากไปของกล้ามเนื้อ Procerus และ corrugator โดยแนวของรอยย้นจะเป็นแนวนอน
อยู่ได้นานแค่ไหน?
จะเริ่มเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นาน 3-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณและยี่ห้อของโบท็อก และจะอยู่ได้ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับความลึกของรอยย่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการดูแลตัวเองหลังฉีด
ฉีดกี่ยูนิตดี?
โดยปกติจะฉีดประมาณ 12-24 ยูนิต ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะเป็นคนประเมิน
โบท็อก ลดปีกจมูก คืออะไร ?
ปีกจมูกบาน ปีกจมูกใหญ่จะทำให้หน้าดูไม่ได้สัดส่วน ไม่มีมิติ และทำให้เสียความมั่นใจ
การฉีดโบท็อกลดปีกจมูกคือการฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อของจมูกที่หน้าที่ในการขยายปีกจมูกให้กว้างหรือบานขึ้นได้แก่ Dilator naris หรือ Alar naris เพื่อคลายกล้ามเนื้อมัดนี้ เมื่อเราพูดหรือหายใจแรงๆปีกจมูกจะไม่กางออก รูจมูกจะดูแคบมากขึ้น
สาเหตุของจมูกบาน
- ผิวหนัง: ในคนเอเชียมักจะมีชั้นผิวหนังและไขมันไต้ผิวหนังที่หนา ทำให้จมูกดูกลมและบาน
- กล้ามเนื้อ: สังเกตได้เวลาที่ยิ้ม หากจมูกยกขึ้นตามแสดงว่าเกิดจากชั้นกล้ามเนื้อ สำหรับโบท็อกลดปีกจมูก เหมาะกับคนที่ปีจมูกบานจากกล้ามเนื้อเท่านั้น
- กระดูกอ่อนที่เป็นโครงสร้างของจมูก: ต้องแก้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก
การฉีดโบท็อกรัดแกนจมูก
จุดประสงค์เพื่อให้สันจมูกชัดขึ้น และลดริ้วรอยบริเวณสันจมูกโดยเฉพาะเวลายิ้ม เนื่องจากเวลายิ้มสันจมูกเราจะดูแบนลง ทำให้จมูกดูกว้างขึ้น ทั้งนี้เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณสันจมูกหัดตัว
ใครที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกจมูก
- ผู้ที่จมูกบานโดยสาเหตจากกล้ามเนื้อจมูก โดยสังเกตจากชัดตอนที่คนไข้แสดงอารมณ์เช่น โกรธ ตื่นเต้น หรือตกใจ
- รูจมูกกว้าง ปีกจมูกบาน ทำให้ขาดความมั่นใจ
- ไม่ต้องการผ่าตัด หรือกลัวเป็นแผลเป็น หรืออยากเห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักพื้นนาน
โบท็อกลิฟท์หน้า
Dermolift
คือการฉีดโบท็อกเข้าไปที่ชั้นไต้ชั้นผิวหนังตามแนวกรอบหน้าเพื่อให้ผิวกระชับมากขึ้น ควรทำเฉพาะเวลาที่ต้องการผลที่เร่งด่วน ไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะจะเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อกได้
Nefertiti Lift
คือการฉีดโบท็อกเข้าไปที่กล้ามเนื้อที่หุ้มลำคอ หรือ Platysma เพื่อคลายกล้ามเนื้อนี้ ซึ่งโดยปกติกล้ามเนื้อนี้จะมีหน้าที่ดึงผิวหนังลงทำให้ใบหน้าหย่อนคล้อย เมื่อฉีดโบท็อกแล้วจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวขึ้นมีแรงมากกว่าและทำให้ใบหน้ายกกระชับ
โบท็อกลิฟท์หน้ากี่วันเห็นผล? อยู่ได้กี่เดือน?
เริ่มเห็นผล 3-4 วันหลังฉีด และเห็นผลเต็มที่ 1-2 สัปดาห์ Dermolift จะอยู่ได้ 1-2 เดือน ส่วน Nefertiti lift จะอยู่ได้ 3-4 เดือน
ลิฟท์กรอบหน้าใช้โบท็อกกี่ยูนิต?
ปกติใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ ซึ่งแพทย์จะทำการพิจารณา
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า
- งดนอนราบ 3-4 ชั่วโมง
- งดทำหัตถการหน้าที่ต้องใช้ความร้อน เช่น การทำเลเซอร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือถ้าไม่ได้จริงๆควรอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด
โบท็อกรักแร้ลดเหงื่อ แก้ปัญหารักแร้เปียก
รักแร้เปียก มีสาเหตุจากอะไร? โบท็อกลดเหงื่อช่วยอย่างไร?
การมีเหงื่อไหลออกมาจากรักแร้ ทำให้รักแร้เปียกเป็นกลไกปกติของร่างกายในการระบายความร้อน อย่างไรก็ตาม หากมีเหงื่อออกมากไปอาจทำให้เสียความมั่นใจได้ วิธีแก้ไขคือการฉีดโบท็อกลดเหงื่อ โดยการฉีด Botulinum toxin type A ข้างละ 50-100 ยูนิตเข้าไปที่บริเวณรักแร้ 20-30 จุดเพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ เพื่อที่จะลดเหงื่อและลดกลิ่น โดยสามารถลดได้กว่า 80%
ใครบ้างที่เหมาะสำหรับฉีดโบท็อกลดเหงื่อ
- คนที่เหงื่ออกมากเกินไป ทำให้เกิดกลิ่นตัว หรือไม่อยากให้รักแร้เปียกชุ่มเป็นวงไต้แขนเสื้อ
- คนที่แพ้ผลิตภัณฑ์สำหรับลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว เช่น โรคออน สเปรย์
โบท็อกรักแร้อยู่ได้นานแค่ไหน?
หลังฉีด ใช้เวลา 3-7 วันในการออกฤทธิ์ และจะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน
การดูแลหลังฉีดโบท็อกลดเหงื่อ
- ดื่มน้ำเยอะๆ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
- สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อได้ 1 วันหลังฉีด
- งดทรีทเมนต์และเลเซอร์ งดอบซาวน่า อบตัว หลังฉีด 2 อาทิตย์
- หลีกเลี่ยงการทางอาหารมักดอง และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 2 อาทิตย์
- สวมเสื้อผ้าสบายๆ ไม่แน่นจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่นอาหารเผ็ด เปรี้ยว หรือเค็มจัด เพราะจะทำให้การขับเหงื่อมีกลิ่นแรง
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย คุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ